คำสอนหลวงตา

" หลวงตา...หนูจะถามอย่างโน้น...อย่างนี้ "  ไปละเหตุเดิม  มีเสื้อเกราะแก้วอยู่แล้ว  เกราะเพชรอยู่แล้ว  " โอ้โห...อุ่นจังๆ "  อยู่ในเกราะนี้แล้ว  มันไม่อยากถาม  มันเข้าถึงผลแล้ว  ผลของฌาณ  ไม่มีใครเขาบ้าถามหรอก  นอกจากจะสัมผัสเกราะ  ดูคนอื่น  อ๋อ..เขาขัดอย่างนี้  ก็ขัดบ้าง  ไม่มีใครเขาถามไม่มีใครเขาพูด  ถ้าพูดก็หมายความว่า  ถอดฌาณ  ถอดเกราะออก  แล้วอยากจะอวดหรือไม่อยากจะอวดก็สงสัย  มันก็เป็นก่อนถึงอุปจารสมาธิฯ  ใช่ไหมเล่า?  เออ! ตัวนิวรณ์อยู่แล้วนี่  ก็ถอดเกราะแก้วออก  ก็มีแต่ของอากาศแท้ๆ ฝุ่นแท้ๆ เอามาถาม

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

นั่นแหละลูก  ไม่ได้ว่ากันแต่จะบอกให้ฟังว่า  ผลของการปฏิบัติถ้าจะถามกันจริงแล้ว  ฌาณสมาบัตินี่ไม่ทรงตัวลูกก่อนจะตายเราได้ฌาณ ๔  อภิญญา ๕  แล้วก็ได้สมาบัติ  เข้าไปในฌาณสมาบัติตายในฌาณ  เก่งเนาะ  เป็นพรหม ๘๐๐ ล้านปีแสง...เอ้า  พอหมดอายุก็ลงมาอีก  ไม่ใช่พระโสดาบัน  ตัวนั้นวัดไม่ได้...วัดไม่ได้  พอเราเลิกทำเหตุ...  ผลก็เลิกทำ

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

เหมือนกับที่หลวงตาบอก  ที่ยกตัวอย่างไง ( วันหลังหาร่มมาให้คันหนึ่ง)  เนี่ย ! ร้อนๆอยู่  แล้วก็กางร่มแจ๊ะขึ้นไป  โอ๊...เย็นจังเลยๆ  ถ้าอยากเย็นก็ทรงการกางร่มเข้าไว้  ถือเหตุคือถือด้ามร่มไว้  ถ้าไปหุบร่ม  โอ๊ย...ทำไมร้อนหลวงตา?  ก็มึงเสือกหุบร่ม  เลิกเจริญเหตุ...ผลก็หายไป...แล้วจะมาถามว่า  " เอ๊ะ!...หายไปยังไง?  ทำไมไม่กลับมาอีก? "  ก็มึงไปหุบร่ม  ก็บอกให้กลับไปกางร่มใหม่  " ไม่เอาอยากจะลองอย่างอาจารย์โน้นอาจารย์นี้บ้าง "  ก็ไปลองกับเขาสิ  มึงมาถามกูทำไม...?

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

แต่ไม่ได้กีดกันนะ  แต่จะเล่าให้ฟังว่า  ถ้าใครประกอบเหตุอะไรเยือกเย็นเป็นสุข  ให้จำเหตุนั้นไว้แล้วเจริญธรรมนั้นเจริญเหตุนั้น  จนกว่าจะตาย  หรือจนกว่าจะเจอเหตุใหม่ซึ่งประณีตกว่า...บริสุทธิ์กว่า...ถ้ายังไม่เจอเหตุที่ประณีตกว่าบริสุทธิ์กว่าให้ทำจนตาย  ก่อนตายใน ๗ วัน  จะต้องได้รู้ผลมันอิ่มแล้วจึงเปลี่ยนอารมณ์  ตอนนั้นจะมีท่านมาบอก...  มีอารมณ์ธรรมะในใจมาบอก...ควรจะเป็นยังไง  ถ้าบอกแล้วยังไม่แน่ใจ  เสียดายอารมณ์นี่  ก็อยากได้อารมณ์นั่น  เหมือนกับนั่งอยู่ตรงนี้กางร่มอันนี้อยู่  ลองนั่งอยู่  ลองเอาหัวไปอยู่ใต้ร่มไม้  เอ้า...เย็นดี  นี่ก็เย็นดี...  ยังลังเลอย่างนี้  ไม่รู้จะเอาเหตุอะไร  ตอนนี้จะมีครูบาอาจารย์มาบอกในกรรมฐาน  ถ้าเราลังเลว่าบอก  อันนี้กลัวจะพลาด  กลัวจะคิดเอาเอง  จะมีเหตุให้ไปเจอครูบาอาจารย์หรือมีคนมาคุยด้วย  ยืนยันเห็นด้วย  ไม่ต้องถาม  ถ้าถามอาจจะจัญไร  พอถามเขาก็เอาตำราตอบ  มันก็ตรงใจอยู่แล้ว  มันต้องพูดโดยไม่ต้องถาม  เป็นการยันกัน  ใช่มั๊ย?  นอกจากเขาไม่อยากจะพูด  เขาก็ถาม " เอ้า! ...มีอะไรมั๊ยๆ? "

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

เอาเฉพาะสิ่งที่เราทำแล้วมันชนไม่รู้จะเลี้ยวซ้าย  เลี้ยวขวานะ  ไม่ใช่ไปเอา  " หลวงตา...หฯุอ่านหนังสือมา  เนี่ยๆ...หลวงแม่  หลวงป้า  หลวงพ่อองค์นั้นท่านทำอย่างนี้...เนี้ย! ท่านทำตั้ง ๑๘ พรรษา ๑๘ ชั่งโมงนะ  แล้วก็ทำอย่างโน้น...อย่างนี้  ท่านก็คิดถึงพ่อแม่ท่าน  ท่านอยากตาย  ท่านก็ตายไม่ได้ "  เล่าอยู่ ๔๕ นาที   ถาม...แล้วโยมจะเอาอะไร? " หนูจะถามว่า  มันเป็นยังไง? " กูจะไปรู้เรอะมึงบ้าพล่ามมาตั้ง ๔๕ นาที  แล้ว  มึงมาถามสรุปยอดมันจะเป็นยังไง?  มึงก็บ้านะซิ  มึงก็ฟุ้งนะซิ  ถ้าจะตอบไม่เกรงใจมันต้องเป็นอย่างนั้น

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

ถ้าหากเขาถามว่ามีอะไรมั๊ย?  ก็ต้องเอาอารมณ์ที่ตัวเองทำดีมาแล้ว  มันชนเพดานเนาะไม่รู้เอาซ้ายหรือขวาดี  มันเห็นช่องอยู่ ๒ ช่อง ก็ไม่กล้าพลาด  แล้วเขาจะไม่ลดเหตุลงมา  เขาจะทรงเหตุนั้นไว้  จะดู " จะเอาซ้ายหรือเอาขวาดี "  นั่นน่ะต้องการครูแล้ว  ถ้าละเหตุแล้วมาบอก " หายไปหมดแล้ว " มึงไปหาเอาเอง ( หัวเราะ)

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

เออ..ถ้าถามต้องเอาสิ่งที่ตัวเข้าถึง  แล้วแต่จะเข้าถึงฝั่งไม่รู้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวานะ  กลัวจะเสียผล  กลัวจะลืมเหตุ  เนี่ย...เขาจะตอบได้  ถ้าไปเอาสมมติมา  เขาตอบไม่ได้หรอก...  ตอบไม่ได้...  ของปีที่แล้วก็ตอบไม่ได้  ธรรมะมันเหมือนอย่างนี้โยม...สมมติใจพระ...  ใจหลวงตานี่...ทีแรกกระดำกระด่างอย่างนี้นะ  หนูน้อยนะพอขัดไปๆ  มันก็ใสเนาะ  พอใสเขาก็ดูความใสตัวเอง  เขาไม่ได้ดูคนอื่นหรอก  " ใสจริงน้อ...สักกายทิฐิก็ไม่มี  วิจิกิจฉาก็น้อยไป  สีลพตปรามาสก็น้อยไป  กามราคะ...อุ๊ย! ยังมีๆ โกธรยังมีๆ" เขาจะดูใจเขาในความผ่องใสอันนี้

🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸🌱🌸

คำสอนของพระครูภาวนาพิลาส  วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์)
ที่มาจากหนังสือเสียงจากถ้ำ  
ฉบับที่  ๒๕      หน้า ๒๔ - ๒๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น