เรื่องราว และข้อมูลที่เก็บไว้ ณ ที่นี้ เป็นของที่เก็บมาจากที่ต่าง ๆ ทั้งมีที่มาและหาที่มาไม่ได้หากท่านผ่านทางเข้ามาอ่าน หากไม่ชอบใจต้องขออภัย The stories and information collected here are collected from various sources, both originated and unrecognizable. If you pass by, read through If you don't like it, sorry.
พล่าปลาสลิด
เครื่องปรุง
ปลาสลิดแห้ง 2 - 3 ตัว
ตะไคร้อ่อนซอย 1 ต้น
หอมแดงซอย 1-2 หัว
พริกขี้หนูซอย 5 - 6 เม็ด
กระเทียมหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งหั่นเป็นท่อน ๆ 1 ต้น
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่เด็ดใบไว้โรยหน้า
ใบผักกาดหอมสำหรับรองจาน
วิธีทำ
นำปลาสลิดล้างฝุ่นล้างเค็มออกเสียหน่อย แล้วนำมาย่างไฟอ่อน ๆ จนสุกทั้งสองด้าน แกะเอาแต่เนื้อแล้วจัดใส่จานที่รองด้วยใบผักกาดหอมรอไว้ พักไว้ก่อน จากนั้นก็มาทำน้ำยำ โดยนำตะไคร้ซอยบาง ๆ หอมแดงซอย พริกขี้หนู กระเทียม ผักชีฝรั่ง มาคลุกรวมกับน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว จนน้ำตาลละลายส่วนผสมเข้ากันดี ชิมรสตามชอบใจแต่ควรให้ออกรสจัดซะหน่อย นำไปราดบนปลาสลิดที่เราเตรียมไว้ตอนแรก สุดท้ายโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ให้สวยงาม ก็เป็นอันเรียบร้อย
ที่มา:คอลัมน์อาทิตย์ละมื้อ โดย กระวาน กานพลู มติชนสุดสัปดาห์
ภาพโต๊ะจีนในความหลัง
ภาพโต๊ะจีนในความหลัง
โดย เคน
วันนี้ข้าพเจ้าไปงานเลี้ยงโต๊ะจีนในงานแต่งงานเพื่อน ประมาณ 3 ทุ่มกว่า ข้าพเจ้าสังเกตเห็นผู้ใหญ่ และเด็กกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าคน ยืนรอคอยอะไรสักอย่างอยู่รอบ ๆ บริเวณที่จัดเลี้ยง ทำให้นึกถึงตัวเองเมื่อยังเป็นเด็ก ที่ต้องไปคอยรอเก็บเศษอาหารที่เหลือจากแขก ไปงานเลี้ยงโต๊ะจีนทีไรอดนึกถึงตัวเองไม่ได้ บางทีก็กินอะไรไม่ลง อยากจะเหลืออาหารเอาไว้บนโต๊ะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการมัน อาหารที่เหลืออาจไม่มีความสำคัญสำหรับคนมีเงิน แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะกินอิ่มนอนอุ่นมันสำคัญมาก มันหมายถึงความอยู่รอดของชีวิต เมื่อท้องอิ่มแล้วชีวิตก็มีความสุข
ย้อนหลังไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเป็นเด็กหน้าตามอมแมม ใส่กางเกงขาดกระรุ่งกระริ่ง เสื้อยืดผุ ๆ บางครั้งก็ไม่ได้ใส่เสื้อ จำได้ว่าเสื้อนักเรียนมีอยู่ 2 ชุด ใส่สลับกันไป เมื่อใส่แล้วตกเย็นต้องกลับมาซัก ที่โรงเรียนเมื่อมีเสื้อผ้ามาแจกนักเรียนยากจนทีไรจะมีชื่อข้าพเจ้าไปรับทุกครั้ง เนื่องจากทางบ้านยากจน แม่ทำงานหาเช้ากินค่ำ พ่อเป็นภารโรงที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่อยู่อาศัยเป็นกระต๊อบสังกะสีเก่าคร่ำคร่า เป็นที่ซุกหัวนอน ข้าพเจ้าเรียกมันว่า “บ้าน” อยู่ในชุมชนสลัมแห่งหนึ่งของจังหวัด ใกล้บ้านจะมีโรงงิ้ว ซึ่งเป็นของสมาคมจีน สำหรับจัดงานต่าง ๆ ของชุมชนชาวจีนในจังหวัด ณ สถานที่แห่งนี้ มักจะมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนเป็นประจำ อาของข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างร้านอาหารซึ่งจะต้องไปทำอาหารโต๊ะจีนอยู่เสมอ ๆ เมื่อมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน อาก็จะมาบอกพวกเรา ให้ไปรอคอยเก็บเศษอาหารภายในงานเลี้ยง
งานจะเริ่มจะเสร็จกี่โมงไม่เคยรู้ เรียนมาตั้งแต่ ป.1 จนจบ ป.6 ยังอ่านเข็มนาฬิกาไม่เป็นเลย ประมาณว่าไม่เคยมีนาฬิกาใช้นั่นเอง ตอนเรียนอยู่ ป.5 จำได้ว่าครูก็สอน แต่ไม่เข้าใจ รู้เพียงแต่ว่าวันไหนถ้ามีงานเลี้ยงโต๊ะจีน จะไปรอกันตั้งแต่ตะวันตกดิน ไปถึงบริเวณงานก็พากันวิ่งเล่นตามประสาเด็ก จนเหนื่อยจึงไปยืนคอยใกล้ ๆ บริเวณงานรอเวลาแขกกลับ จะได้เข้าไปเก็บเศษอาหาร ก่อนที่โต๊ะจีนจะเก็บโต๊ะ วิธีสังเกตดูว่าแขกจะกลับเมื่อไหร่ก็ง่าย ๆ หากพวกที่มาเก็บเศษอาหารเหมือนกันไปยืนรอกันรอบ ๆ บริเวณงานเมื่อไรแสดงว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว
เวลาเก็บเศษอาหาร ถ้าเป็นอาหารแห้งประเภทของทอดจะใส่ถุงเดียวกัน ถ้าอาหารมีน้ำจะใส่แยกถุง ส่วนถ้าเป็นของหวานจะใส่รวม ๆ กันไป เก็บแม้กระทั้งน้ำอัดลม
ตอนเป็นเด็กโอกาสที่จะได้กินน้ำอัดลมก็ตอนไปเก็บเศษอาหารจากโต๊ะจีนนี่แหละ จำได้ว่าที่บ้านไม่เคยซื้อน้ำอัดลมมากินเลย ไม่ใช่ไม่อยากกินหรอก แต่เพราะไม่มีเงินนั่นเอง สมัยนั้น ใครได้กินน้ำอัดลมฐานะจะค่อนข้างดี
เมื่อได้เศษอาหารเรียบร้อยแล้ว เราก็จะพากันกลับบ้านด้วยความดีใจ เด็กแต่ละคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางมีความสุขกันทุกคน พอกลับมาถึงบ้าน ข้าพเจ้าก็จะเอาขนมให้น้องอีกสองคนที่ไม่ได้ไปกิน ส่วนอาหารก็จะแยกใส่จานแล้วให้แม่อุ่นเก็บไว้กินตอนเช้า เมื่อถึงตอนเช้า พวกเราพี่น้องก็จะมีอาหารหรูเริ่ดกินกัน บางครั้งเป็นอาหาร 3 – 4 อย่างผสมกัน ไม่รู้ว่ารสชาติอาหารที่แท้จริงเป็นอย่างไร แต่พวกเรากินแล้วก็อร่อย ดีกว่ากินน้ำพริกผักต้มที่แม่ทำให้กินทุกวัน
อาหารที่เรากินกันดูเหมือนอาหารที่พระสายปฏิบัติฉัน คือ เทอาหารรวม ๆ กัน แล้วจึงฉัน รสชาดคงไม่ได้ดีกว่าอาหารหมูเท่าไหร่ แต่พวกเราได้กินแล้วก็มีมีความสุข มีชีวิตรอดกันไปอีกวันหนึ่ง
ขอบคุณเศษอาหารโต๊ะจีน และสมาคมจีนสุโขทัย
โดย เคน
วันนี้ข้าพเจ้าไปงานเลี้ยงโต๊ะจีนในงานแต่งงานเพื่อน ประมาณ 3 ทุ่มกว่า ข้าพเจ้าสังเกตเห็นผู้ใหญ่ และเด็กกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าคน ยืนรอคอยอะไรสักอย่างอยู่รอบ ๆ บริเวณที่จัดเลี้ยง ทำให้นึกถึงตัวเองเมื่อยังเป็นเด็ก ที่ต้องไปคอยรอเก็บเศษอาหารที่เหลือจากแขก ไปงานเลี้ยงโต๊ะจีนทีไรอดนึกถึงตัวเองไม่ได้ บางทีก็กินอะไรไม่ลง อยากจะเหลืออาหารเอาไว้บนโต๊ะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการมัน อาหารที่เหลืออาจไม่มีความสำคัญสำหรับคนมีเงิน แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะกินอิ่มนอนอุ่นมันสำคัญมาก มันหมายถึงความอยู่รอดของชีวิต เมื่อท้องอิ่มแล้วชีวิตก็มีความสุข
ย้อนหลังไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเป็นเด็กหน้าตามอมแมม ใส่กางเกงขาดกระรุ่งกระริ่ง เสื้อยืดผุ ๆ บางครั้งก็ไม่ได้ใส่เสื้อ จำได้ว่าเสื้อนักเรียนมีอยู่ 2 ชุด ใส่สลับกันไป เมื่อใส่แล้วตกเย็นต้องกลับมาซัก ที่โรงเรียนเมื่อมีเสื้อผ้ามาแจกนักเรียนยากจนทีไรจะมีชื่อข้าพเจ้าไปรับทุกครั้ง เนื่องจากทางบ้านยากจน แม่ทำงานหาเช้ากินค่ำ พ่อเป็นภารโรงที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่อยู่อาศัยเป็นกระต๊อบสังกะสีเก่าคร่ำคร่า เป็นที่ซุกหัวนอน ข้าพเจ้าเรียกมันว่า “บ้าน” อยู่ในชุมชนสลัมแห่งหนึ่งของจังหวัด ใกล้บ้านจะมีโรงงิ้ว ซึ่งเป็นของสมาคมจีน สำหรับจัดงานต่าง ๆ ของชุมชนชาวจีนในจังหวัด ณ สถานที่แห่งนี้ มักจะมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนเป็นประจำ อาของข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างร้านอาหารซึ่งจะต้องไปทำอาหารโต๊ะจีนอยู่เสมอ ๆ เมื่อมีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน อาก็จะมาบอกพวกเรา ให้ไปรอคอยเก็บเศษอาหารภายในงานเลี้ยง
งานจะเริ่มจะเสร็จกี่โมงไม่เคยรู้ เรียนมาตั้งแต่ ป.1 จนจบ ป.6 ยังอ่านเข็มนาฬิกาไม่เป็นเลย ประมาณว่าไม่เคยมีนาฬิกาใช้นั่นเอง ตอนเรียนอยู่ ป.5 จำได้ว่าครูก็สอน แต่ไม่เข้าใจ รู้เพียงแต่ว่าวันไหนถ้ามีงานเลี้ยงโต๊ะจีน จะไปรอกันตั้งแต่ตะวันตกดิน ไปถึงบริเวณงานก็พากันวิ่งเล่นตามประสาเด็ก จนเหนื่อยจึงไปยืนคอยใกล้ ๆ บริเวณงานรอเวลาแขกกลับ จะได้เข้าไปเก็บเศษอาหาร ก่อนที่โต๊ะจีนจะเก็บโต๊ะ วิธีสังเกตดูว่าแขกจะกลับเมื่อไหร่ก็ง่าย ๆ หากพวกที่มาเก็บเศษอาหารเหมือนกันไปยืนรอกันรอบ ๆ บริเวณงานเมื่อไรแสดงว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว
เวลาเก็บเศษอาหาร ถ้าเป็นอาหารแห้งประเภทของทอดจะใส่ถุงเดียวกัน ถ้าอาหารมีน้ำจะใส่แยกถุง ส่วนถ้าเป็นของหวานจะใส่รวม ๆ กันไป เก็บแม้กระทั้งน้ำอัดลม
ตอนเป็นเด็กโอกาสที่จะได้กินน้ำอัดลมก็ตอนไปเก็บเศษอาหารจากโต๊ะจีนนี่แหละ จำได้ว่าที่บ้านไม่เคยซื้อน้ำอัดลมมากินเลย ไม่ใช่ไม่อยากกินหรอก แต่เพราะไม่มีเงินนั่นเอง สมัยนั้น ใครได้กินน้ำอัดลมฐานะจะค่อนข้างดี
เมื่อได้เศษอาหารเรียบร้อยแล้ว เราก็จะพากันกลับบ้านด้วยความดีใจ เด็กแต่ละคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางมีความสุขกันทุกคน พอกลับมาถึงบ้าน ข้าพเจ้าก็จะเอาขนมให้น้องอีกสองคนที่ไม่ได้ไปกิน ส่วนอาหารก็จะแยกใส่จานแล้วให้แม่อุ่นเก็บไว้กินตอนเช้า เมื่อถึงตอนเช้า พวกเราพี่น้องก็จะมีอาหารหรูเริ่ดกินกัน บางครั้งเป็นอาหาร 3 – 4 อย่างผสมกัน ไม่รู้ว่ารสชาติอาหารที่แท้จริงเป็นอย่างไร แต่พวกเรากินแล้วก็อร่อย ดีกว่ากินน้ำพริกผักต้มที่แม่ทำให้กินทุกวัน
อาหารที่เรากินกันดูเหมือนอาหารที่พระสายปฏิบัติฉัน คือ เทอาหารรวม ๆ กัน แล้วจึงฉัน รสชาดคงไม่ได้ดีกว่าอาหารหมูเท่าไหร่ แต่พวกเราได้กินแล้วก็มีมีความสุข มีชีวิตรอดกันไปอีกวันหนึ่ง
ขอบคุณเศษอาหารโต๊ะจีน และสมาคมจีนสุโขทัย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)